วิธีเลือกซื้อคอมพิวเตอร์สำหรับงานกราฟิค เลือกสเปคอย่างไรถึงจะแรงและมีประสิทธิภาพ มาดูกัน

    หากพูดถึงงานไอทีในปัจจุบัน งานกราฟิกดีไซน์นั้นถือได้ว่าเป็นงานที่กำลังมีกระแสมาแรงเลยทีเดียว จึงมีเพื่อนๆบางคนสงสัยถามเข้ามาว่าสเปคคอมพิวเตอร์สำหรับงานกราฟิก หรือ โน๊ตบุ๊คสำหรับงานกราฟิก นั้นจะมีวิธีเลือกอย่างไรบ้าง ถึงจะสามารถนำมาใช้งาน Render ภาพต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ดังนั้นวันนี้ itnews4u เราจะมาแนะนำวิธีเลือกคอมพิวเตอร์สำหรับงานกราฟิก หรือ โน๊ตบุ๊คสำหรับงานกราฟิกกันครับ

วิธีเลือกซื้อคอมพิวเตอร์สำหรับงานกราฟิก

1. OS

คำถามยอกฮิตเลยก็ว่าได้ ว่าจะใช้ OS ของ Apple หรือ Windows ดี ซึ่งผมได้ยกตัวอย่างข้อดีของแต่ละ OS มาให้เพื่อนๆได้ดูกันครับ

Apple : ปัญหาเรื่องไวรัสไม่ค่อยมี มีความเสถียร ดีไซน์สวยหรู แต่จะหาโปรแกรมยากนิดนึง

Windows : เวลามีปัญหาหาคนปรึกษาได้ง่าย โปรแกรมต่างๆหาได้ง่าย แต่ปัญหาจุกจิกต่างๆก็มีพอสมควร เช่น ไวรัส เป็นต้น

ซึ่งสรุปแล้ว OS ทั้ง 2 นั้นสามารถนำมาใช้งานกราฟิกได้ดีเหมือนกันครับ อันนี้แล้วแต่ความถนัดและความชอบของแต่ละท่านเลย

2. ประเภทการ์ดจอ (Graphic Card)

การ์ดจอนั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในเรื่องประสิทธิภาพการแสดงผลของเครื่อง ซึ่ง การ์ดจอสำหรับงานกราฟิกที่แนะนำนั้น ได้แก่รุ่น Nvidia Quadro หรือ AMD Firepro นั่นเองครับ ซึ่งหน่วยความจำที่แนะนำคือขนาด 1Gb ขึ้นไปครับ

3. จอภาพแสดงผล (Monitor)

จอแสดงภาพนั้นเป็นปัจจัยสำคัญของงานกราฟิกก็ว่าได้ครับ ซึ่งจอที่ดีนั้นต้องแสดงผลสีออกมาได้ตรงกับสีจริง เพื่อให้งานออกมาเสมือนจริงกับสีในคอมพิวเตอร์นั่นเองครับ ซึ่งแน่นอนว่าจอเหล่านี้นั้นย่อมแพงกว่าจอมอนิเตอร์ธรรมดาทั่วไปด้วยนั่นเอง

4. ฮาร์ดดิส (Harddisk)

แนะนำฮาร์ดดิสความเร็วสูงอย่างเช่น ฮาร์ดดิสแบบ 7200rpm หรือไม่ก็ใช้ SSD ไปเลย โดย SSD นั้นมีผลต่อการอ่านหรือเขียนข้อมูลดีกว่าฮาร์ดดิสหลายเท่าตัวจึงส่งผลให้เราเปิดโปรแกรมหรือใช้งานฟังก์ชันต่างๆไวขึ้นด้วยนั่นเอง

5. แรม (Ram)

หน่วยความจำที่แนะนำคือขนาด 4Gb ขึ้นไป เพราะส่วนใหญ่แล้วโปรแกรมกราฟิกนั้นจะใช้ ram ค่อนข้างเยอะพอสมควรเลยนั่นเอง

6. ซีพียู (CPU)

รุ่น CPU ที่แนะนำคือ Core i7 ครับ เนื่องจาก Core i7 นั้นเป็นรุ่นมีหน่วยประมวลผลได้มากที่สุดถึง 8 core อีกทั้งยังมี crash memory ที่มากกว่ารุ่นอื่น ซึ่งจะมีส่วนในการทำงานที่ไวขึ้นด้วยนั่นเอง

ซึ่งสุดท้ายแล้วสิ่งที่จะมาควบคุมการเลือกซื้ออีกทีก็คืองบประมาณหรือการใช้งาน ว่าเรานั้นพอจะซื้อไหวที่ราคาเท่าไหร่หรือนำไปใช้งานมากน้อยเพียงใดนั่นเองครับ